และนี่ก็เป็นอีกตอนของซีรี่ย์สุดปังของผลงานใน Project S ในตอนของ SOS skate (ซึม ซ่าส์) ในบทของซีรี่ย์เรื่องนี้ในตีแผ่และให้ความรู้ให้กับคนที่ได้ดูซีรี่ย์นี้ เพราะอาจจะมีเรื่องเกี่ยวกับโรคนี้ ที่มีใครหลายคนอาจรู้จักกันมาบ้างแล้ว คือ เรื่องของโรคซึมเศร้า นั่นเอง แต่คำว่า โรคซึมเศร้า ถือมายังถูกจัดอยู่เป็นโรคที่ไกลตัวอยู่มาก แถมยังเป็นเรื่องใหม่ ที่เป็นสิ่งรับรู้ของคนในส่วนรวม แต่จริง ๆ แล้วโรคนี้มันอาจจะเกิดขึ้นกับใครอย่างไงก็ได้กับคนที่ใกล้ตัวหรืออาจจะเกิดกับตัวของเราเองก็ได้
ดังนั้นผู้จัดจึงนำซีรี่ย์ ตอน SOS skate ใน Project S เป็นตอนที่สามที่นำมารอจ่อลงจอให้กับคนดูซีรี่ย์ได้รับชมเรื่องราวต่าง ๆ ที่ใช้กีฬาเป็นตัวกลางในการสื่อและถ่ายทอดออกมาผ่านตัวละคร และตอนนี้จะเป็นกีฬาที่เกี่ยวกับสเก็ตบอร์ด เมื่อสายดูซีรี่ย์ได้เห็นแค่ชื่อเรื่องก็เฝ้ารอคอย ว่าในเรื่อง SOS skate การเดินเนื้อเรื่องจะลึกลับหรือหนักหน่วงมากขนาดไหน ยิ่งนักแสดงนำเป็นถึงเจมส์ แล้วละก็ขอบอกเลยมันต้องปังมากแน่ ๆ เพราะในหลายเรื่องที่เจมส์เล่นคนดูซีรี่ย์ มักจะเห็นในบทแบด ๆ มาโดยตลอด แต่นี่เป็นเรื่องในการพลิกบทบาทของเขาเลย ซึ่งตอน SOS skate เป็นตอนที่ต่อจากเรื่อง Side by Side ของต่อ ที่ได้รับบทเป็นเด็กออิสติกไปแล้ว คนดูต่างประทับใจในการสื่อสารออกอารมณ์มาของต่อ แล้วนำกีฬามาเรียงร้อยเข้าสู่ประเด็นหลักที่ต้องการจะสื่อสารให้กับคนดูได้เข้าใจตรงกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ตอน SOS skate เป็นเรื่องที่ถูกจับตามองและคาดหวังของคนที่ติดตามดูซีรี่ย์ของเป็น Project S มากมายเลย
ในเรื่องราวของเด็กชายมอปลายที่ชื่อ บู(เจมส์) ในขณะนี้ตัวเขารับดูได้ว่าตัวเองกับสู้อยู่กับโรคซึมเศร้า แล้วเขาก็พยายามหาหนทางเพื่อทำให้ตัวเองหายจากโรคซึมเศร้านี้ แต่พอมองไปทางไหนก็ดูเหมือนจะมืดทั้งแปดด้านเลย พอมาวันหนึ่งบูได้ไปเจอกับแก๊งสเก็ตแก๊งใหญ่ ซึ่งนำทีมมาด้วยชายหนุ่มผมเขียวดูแบบเปรี้ยวเยี่ยวราดมาเลยทีเดียว ซึ่งเขามีชื่อว่า ไซม่อน (โทนี่) แล้วก็เกิดสิ่งที่อัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อ บูได้พบกับ ไซม่อน ครั้งนี้มันกำลังเกิดจุดเปลี่ยนของชีวิตซึมเศร้าของบูไปตลอด ขนาดเพียงเรื่องราวสั้น ๆ ก็ทำให้คนดูรอที่จะติดตามความประทับใจและเรื่องราวที่เข้มข้นของซีรี่ย์ใน Project S นี้แล้ว
และยังไม่หมดเพียงเท่านี้กว่าจะมาเป็นซีรี่ย์ที่ให้คนดูได้ดูแบบเต็มอรรถรสได้แบบนี้ ต้องปรบมือให้กับผู้ฝีมือดีและร่วมถึงนักแสดงนำ และนักแสดงอื่น ๆ ที่มีคุณภาพคับแก้วมาลงลายเส้นของการแสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมกันเลย และเป็นการเปิดโลกให้กับคนดูในเรื่องของโรคนี้แถมยังใช้กีฬาเป็นการสอดแทรกเรื่องราวเชื่อมโยงกันได้ลงตัว แถมยังทำให้ได้เห็นการพัฒนาขั้นเทพของเจมส์ที่ได้รับบาทเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้ได้รับบทที่ดูท้าทายตัวเองไปอย่างมากแต่ความอยากก็ไม่ใช่อุปสรรคของเจมส์เลย เพราะเขาค่อยที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับตัวละครที่ตัวเองได้รับ หาข้อมูลได้ฝึกฝนจนเขาก้าวข้ามผ่านและสลัดลุคแบด ๆ ออกได้หมดจนทำให้ตัวละครที่เจมส์รับบทเป็น บู ดูสมจริงไปซะทุกอย่างเลย อย่าลืมเป็นกำลังใจให้เขาแล้วก็ไปติดตามดูซีรี่ย์กันเยอะ ๆ แล้วมาดูกันว่ากีฬาสเก็ตบอร์ดจะเป็นรักษาบูให้หายจากโรคซึมเศร้าได้หรือไม่